Inhalt

Cover

1. หลักการทั่วไป

-นิยาม

นิยาม 

 

โรงพยาบาลสนาม” หมายถึง สถานที่ที่ให้การดูแลรักษาพยาบาลซึ่งเกินศักยภาพการจัดระบบบริการในการรองรับผู้ป่วย เพื่อใช้ดูแลผู้ป่วยด้านโรคติดต่อในสถานการณ์ที่มีการระบาดของโรคมีการตรวจรักษาผู้ป่วยตามหลักมาตรฐาน มีการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไปสู่บุคลากร ชุมชน และสิ่งแวดล้อม มีการควบคุมป้องกันโรคให้อยู่ในวงจำกัด โดยหากจำเป็นสามารถดำเนินการส่งต่อโรงพยาบาลที่มีศักยภาพมากกว่า และ ปิดดำเนินการโรงพยาบาลเมื่อสิ้นสุดการระบาดหรือมีการควบคุมโรคได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้การจัดตั้งจะตั้งนอกสถานพยาบาลสามารถจัดตั้งได้อย่างรวดเร็ว ขยายหรือลดขนาดตามความเหมาะสม ขึ้นกับการดำเนินการของหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่ เช่น วัด โรงเรียน โรงยิม หรือ หอประชุมขนาดใหญ่ เป็นต้น ในการคัดเลือกสถานที่ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง ความต้องการของชุมชน และทรัพยากรด้าน สาธารณสุขที่มีอยู่ เพื่อให้การดูแลรักษาผู้ป่วย COVID-19 ในสภาวการณ์ที่มีการระบาดได้รับการดูแลรักษาอย่างปลอดภัย ผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม คือ ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัด และ หน่วยงานอื่นๆ รวมถึงมีการกำหนดคณะทำงานที่ประกอบด้วยหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัดที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน

-วัตถุประสงค์

วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม     

 

  1. เพื่อตรวจรักษาตามมาตรฐาน กรณีโรงพยาบาลที่มีอยู่ไม่สามารถรับผู้ป่วยโรคระบาดจำนวนมากได้
  2. เพื่อป้องกันควบคุมโรคให้อยู่ในวงจำกัด โดยแยกกักผู้ป่วย (isolation) กรณีโรคที่มีการแพร่เชื้อหรือมีความรุนแรงสูง ซึ่งเสี่ยงต่อการระบาดหากรับการรักษาที่โรงพยาบาลทั่วไป
  3. เพื่อจัดให้มีระบบควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาลที่มีความพิเศษตามรูปแบบของการแพร่กระจายของโรคได้
  4. เพื่อการคัดกรองผู้ป่วย (screening) ตามความรุนแรง และวางแนวทางการรักษาหรือส่งต่อ

-ข้อบ่งชี้การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม

ข้อบ่งชี้การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม

 

ในการพิจารณาเพื่อตัดสินใจในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม

จะพิจารณาตามสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19

โดยพิจารณาจากข้อมูลดังต่อไปนี้

 

  1. จำนวนผู้ป่วยสงสัยอาการเดียวกันเพิ่มมากขึ้นมากกว่าปกติ และมีแนวโน้มมากเกินศักยภาพของโรงพยาบาลที่มีอยู่ หรือเป็นโรคที่มีความจำเป็นต้องควบคุม คัดแยก แยกกักผู้ป่วยในพื้นที่พิเศษ
  2. มีรายงานการระบาดในพื้นที่ใกล้เคียงและมีแนวโน้มระบาดเข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบ
  3. มีคำเตือนหรือคำแนะนำจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักระบาดวิทยา สำนักงาน ควบคุมโรค สำนักงานสาธารณสุข หรือ องค์การอนามัยโลก
  4. อัตราการมารับบริการที่ห้องฉุกเฉินหรือโรงพยาบาลเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้น อัตราการรับเข้าไว้รักษาในโรงพยาบาลของผู้ป่วย PUI เพิ่มสูงขึ้น เกินความสามารถของโรงพยาบาลในการรองรับผู้ป่วย
  5. มีคำสั่งให้เปิดดำเนินงานโรงพยาบาลสนามด้านโรคระบาด จากผู้ที่มีอำนาจสั่งการ โดยได้รับอนุญาตจากพื้นที่ที่จัดตั้งโรงพยาบาล

2. ระบบการบริหารจัดการ

 


-คำสั่งคณะกรรมการโรงพยาบาลสนามฯ

การบริหารจัดการในภาพรวม ขับเคลื่อนโดยใช้กลไกของระบบบัญชาการเหตุการณ์ (Incident Command System : ICS) ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยโรงพยาบาลสนามเป็นส่วนหนึ่ง (Division) ของฝ่ายปฏิบัติการทางการแพทย์ (Medical Operation Section) และบริหารจัดการโดยใช้คำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ที่ 1944/2564 ลงวันที่ 7พฤษภาคม 2564(link คำสั่ง)

-โครงสร้างระบบบัญชาการเหตุการณ์ฯ


 

-แผนผังโรงพยาบาลสนาม

 

แผนผังโรงพยาบาลสนาม ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดเชียงใหม่

3. การรับผู้ป่วยเข้าหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Admission)

3. การรับผู้ป่วยเข้าหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Admission) (ต่อ)

  • เกณฑ์การคัดเลือกผู้ป่วยเข้าหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Admission criteria)
  1. เป็นผู้ป่วยที่มีผลยืนยันการติดเชื้อ COVID-19 (Confirmed case) ที่มีอายุมากกว่า 15 ปี ในกรณีที่เด็ก อายุ ตั้งแต่ 3-14 ปี ต้องอยู่ในการดูแลของผู้ปกครอง
  2. เป็นผู้ป่วย mild case และไม่ต้องใช้ O2 (O2 sat > 94% ขณะพัก)/ไม่เหนื่อย (หายใจน้อยกว่า 22 ครั้ง/นาที ขณะพัก)
  3. เป็นผู้ป่วยรับใหม่ หรือผู้ป่วยเก่าที่ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลมาแล้วเมื่อมีอาการคงที่ และ/หรืออาการดีขึ้น หรือผู้ป่วยที่รอจำหน่าย
  4. ภาพเอกซเรย์ปอดปกติหรือมีรอยโรคในปอดไม่เพิ่มขึ้นหลังการรักษาจากโรงพยาบาลโควิด

5.สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ไม่ก้าวร้าว ไม่มีความเสี่ยงทางจิตเวช

6.ไม่มีโรคประจำตัวหรือโรคแทรกซ้อนที่อาจทำให้แย่ลงเร็ว

(No comorbid risk factor/risk for rapid progress severity) เช่น

( ) โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) รวมโรคปอดอื่น ๆ

( ) โรคไตเรื้อรัง (CKD)   

( ) โรคหลอดเลือดหัวใจเรื้อรัง (CVD) รวมโรคหัวใจแต่กำเนิด

( ) โรคหลอดเลือดสมอง

( ) ความดันโลหิตสูง

( ) เบาหวาน

 

 

 

 

3. การรับผู้ป่วยเข้าหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Admission) (ต่อ)

( ) ภาวะอ้วน (BMI > 35)

( ) ตับแข็ง

( ) ภูมิคุ้มกันต่ำและ Lymphocyte < 1,000

( ) สตรีตั้งครรภ์

( ) เด็กอายุต่ำกว่า3ปี

 

  • กระบวนการรับผู้ป่วย (Admission process)

 

 

  • การบันทึก การรับผู้ป่วย (Admission record & report)

     เวชระเบียนสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย ประกอบด้วย

  • ฟอร์มปรอท ต้องบันทึกอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
  • Nurse note ต้องบันทึกอาการและอาการแสดงของผู้ป่วยทุกเวร
  • Standing order for COVID 19
  • บันทึกข้อมูลการแอดมิทใน CMC19 และ โปรแกรม COWARD

4. การรับผู้ป่วยที่อาการดีขึ้นจากโรงพยาบาลอื่น (Step down)

  • เกณฑ์การคัดเลือกผู้ป่วย Step down

ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาใน รพ.NODEแล้วอาการดีขึ้น O2 sat > 94% ขณะพัก ไม่มีอาการเหนื่อยหอบ ขณะพัก ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มียาฉีดต่อเนื่อง ไม่จำเป็นต้องได้รับสารน้ำทางหลอดเลือด

  • กระบวนการรับผู้ป่วย Step down
  1. รับติดต่อจาก Hospital Unit และ รพ.ต้นทาง
  2. ส่งข้อมูลผุ้ป่วยทางLine เพื่อรายงานแพทย์ รพ.สนามพิจารณารับเข้า รพ.สนาม
  3. แพทย์พิจารณาแล้วรับเข้า รพ.สนาม เจ้าหน้าที่สวมPPEตามมาตรฐาน
  4. รพ.ต้นทางส่งเวรอาการผู้ป่วยให้กับพยาบาล รพ.สนามทางโทรศัพท์ 053-010561-2
  5. รพ.ต้นทางจัดรถส่งผู้ป่วยมายัง รพ.สนาม
  6. เมื่อผู้ป่วยมาถึง เข้าประตู 9 และด้านหลัง Hall 1
  7. เปิด/ปิดประตูแผงกั้นด้านนอก ทางเข้า/ออก
  8. ลงทะเบียน และแจกชุดรับใหม่ แจ้งผู้ป่วยเตรียมตัว และอธิบายแนวทางการดูแลใน รพ. สนาม และให้ผู้ป่วยสแกนQR code เพื่อติดต่อกับพยาบาล 
  • การบันทึก รายงานผู้ป่วย step down (Step down record & report)

     -บันทึกใน CMC 19และCoward

5. การนำส่งผู้ป่วยจากรพ.ต้นทางสู่รพ.สนาม

  1. รพ. ต้นทางติดต่อ พยาบาล.รพ.สนาม โทร 053-010561-2และระบบ CMC-19
  2. รพ.ต้นทางจัดรถส่งผู้ป่วยมายัง รพ.สนาม เจ้าหน้าที่สวมPPEตามมาตรฐาน
  3. รถreferรพ.ต้นทาง ต้องติดต่อ รพ.สนาม ก่อนถึงรพ.สนาม10-15นาที

(ทิศเหนือจุดแยกกองพันสัตว์ต่าง ทิศตะวันออก สามแยกสวนล้านนาร.9 ทิศใต้ แยกโรงแรมภูคำ)

  1. รถ refer เข้าประตู 9 หอประชุม แล้วจอดตรงด้านหลังของ Hall 1
  2. เปิด-ปิด ประตูแผงกั้นด้านนอกทางเข้า-ออก
  3. ลงทะเบียน และแจกชุดรับใหม่ แจ้ง ผู้ป่วยเตรียมตัว และอธิบายแนวทางการดูแลใน รพ. สนาม และให้ผู้ป่วยสแกนQR code เพื่อติดต่อกับพยาบาล

 

6. การส่งต่อผู้ป่วยที่อาการเปลี่ยนแปลงแย่ลง (Step up )

  • เกณฑ์การคัดเลือกผู้ป่วยที่อาการเปลี่ยนแปลงแย่ลง

ผู้ป่วยมี Progressive disease from mild to moderate or severe case

  1. Pneumonia (CXR) with or without hypoxia or
  2. Sat O2 room air < 94% (ระหว่าง refer on O2 cannula ไม่เกิน 5 LPM) or
  3. RR > 22 BPM (สมาคมอุรเวชช์) or
  4. Multiple organs dysfunction
  • กระบวนการส่งต่อผู้ป่วยที่อาการเปลี่ยนแปลงแย่ลง (Step up criteria)
  1. รพ.ที่กำหนดให้เป็น รพ.ปลายทางรับ Step up Refer ได้แก่ รพ.สันทราย, รพ.ประสาทเชียงใหม่, รพ.นครพิงค์และรพ. มหาราชนครเชียงใหม่
  2. พยาบาล/แพทย์ รพ.สนาม ปรึกษา Hospital Unit ทาง ไลน์ step up เพื่อเลือก รพ. ปลายทาง
  3. พยาบาล รพ.สนาม ประสาน call center รพ. นครพิงค์ Tel : 053-999-200 ต่อ 1176 และไลน์ step up
  4. Call center ประสาน รพ.ปลายทาง และศูนย์เวียงพิงค์ เตรียมรับ case refer
  5. เมื่อ รพ. ปลายทางพร้อมรับผู้ป่วย Call center ประสาน ศูนย์เวียงพิงค์ เพื่อจัดทีม refer COVID-19 ไปรับผู้ป่วยพยาบาล
  6. รพ.สนาม ส่งข้อมูลผู้ป่วยทางไลน์step up
  7. พยาบาล รพ.สนาม เตรียมผู้ป่วย รอที่จุดนัดพบ เพื่อพบทีม refer
  8. ทีม refer นำส่งผู้ป่วย รพ.ปลายทาง ในจุดที่ รพ.ปลายทางกำหนด พร้อมกรอกข้อมูลลงแบบบันทึกปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน และกลับมาถอดชุด ล้างรถที่ รพ.สนาม
  9. บันทึกการส่งออกใน CMC19

7. การจำหน่าย กรณีผู้ป่วยต้องการไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลอื่น

  1. ให้ผู้ป่วยติดต่อโรงพยาบาลปลายทางที่ต้องการไปรักษาต่อ
  2. โรงพยาบาลปลายทางติดต่อมายัง รพ.สนาม
  3. พยาบาล รพ.สนามรายงานแพทย์ รพ.สนาม เพื่อพิจารณาย้าย รพ.ตามความประสงค์ของผุ้ป่วย
  4. พยาบาล รพ.สนามส่งข้อมูลให้ รพ.ปลายทางทางไลน์
  5. รพ.ปลายทางส่งรถมารับผู้ป่วยทางประตู9 ด้านหลังHall 1
  6. สรุปเวชระเบียน
  7. บันทึกในCMC19

 

 

8. การจำหน่ายผู้ป่วยกลับบ้าน กรณีรับการรักษาครบ

  • เกณฑ์การจำหน่าย
  1. นอนพักรักษาอาการอย่างน้อย 14 วัน นับจากวันตรวจพบ (detected date) หรือวันที่มีอาการ
  2. Clinical
  3. ไม่มีไข้ อย่างน้อย 48 ชม.
  4. Respiratory rate น้อยกว่า 20 ครั้งต่อนาที
  5. O2 Sat > 94% ขณะพัก

(หมายเหตุ: ปรับตามมติ EOC จังหวัดเมื่อวันที่ 14, 16 เมษายน 2563)      

  • กระบวนการจำหน่ายผู้ป่วยกลับบ้าน
  1. ข้อมูลผู้ป่วยจำหน่าย File Discharge จะถูกส่งในกลุ่ม ไลน์ D/C เวลา00, 20.00, .ของแต่ละวัน
  2. ตรวจสอบข้อมูล โดยพยาบาล IT จัดการข้อมูลผู้ป่วย ตรวจสอบสถานะความพร้อม อาการผู้ป่วย พร้อมให้ผู้ป่วยถ่ายบัตร ปปช เพื่อยืนยันตัวตน
  3. แจ้งผู้ป่วยทราบ โดยพยาบาล IT แจ้งผู้ป่วยทาง line ว่าได้กลับบ้านพรุ่งนี้ เพื่อให้ผู้ป่วยเตรียมตัวก่อนกลับ
  4. พิมพ์ใบรับรองแพทย์ โดยพยาบาล IT ตรวจสอบรายชื่อผู้ป่วยแล้ว จัดทำใบรับรองแพทย์เพื่อให้แพทย์เวรเซ็นชื่อในใบรับรองแพทย์
  5. จัดเตรียมใบเซ็นชื่อให้ผู้ป่วยเซ็นในวันถัดไป โดยพยาบาล IT printรายชื่อผู้ป่วยให้ พยาบาลจำหน่ายเวรดึก เช็คความถูกต้อง
  6. จำหน่ายผู้ป่วย โดยพยาบาลจำหน่ายเข้า Hall เพื่อประสานการจำหน่ายผู้ป่วยที่จะกลับบ้านพร้อมเซ็นชื่อออก รพ.สนาม

สรุปเวชระเบียน สรุปยาที่ใช้ ค่าใช้จ่าย สรุปวันนอนของผู้ป่วยและการวินิจฉัยครั้ง

9. กระบวนการดูแลผู้ป่วย

-การดูแลผู้ป่วยทั่วไป (Routine patient care)

  • การดูแลผู้ป่วยทั่วไป (Routine patient care)
  1. การวัดสัญญาณชีพ ( Vital signs)

ให้ผู้ป่วยวัดอุณหภูมิร่างกาย วัดความดันโลหิต ชีพจร วัดค่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด และส่งค่าที่ได้จาการวัดส่งมาทางไลน์ วันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น ตามเวลาที่กำหนด

  1. การจ่ายยาต้านไวรัส อยู่ในการพิจารณาของแพทย์โรงพยาบาลสนาม
  2. การจ่ายยาตามอาการ ขึ้นอยู่กับ อาการและ อาการแสดง ของผู้ป่วยที่มีการเปลี่ยนแปลง
  3. การประเมินอาการรายวัน พยาบาลประเมินจากไลน์ที่ผู้ป่วยส่งข้อมูล หากมีอาการผิดปกติ ให้รายงานแพทย์ และ บันทึกในเวชระเบียน

-การดูแลผู้ป่วยที่มีความต้องการพิเศษ (Special patient care)

  • การดูแลผู้ป่วยที่มีความต้องการพิเศษ (Special patient care)
  1. ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางจิตเวช ให้มีการประเมิน 2Q 9Q โดยทีม MCATT
  2. ผู้ป่วยที่ใช้สารเสพติด ให้มีการประเมินการใช้สารเสพติดในผู้ป่วยทุกราย และติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง
  3. ผู้ป่วยที่มีภาวะการณ์เจ็บป่วยอื่น ๆ ร่วมด้วย / โรค Underlying diseases ให้มีการซักประวัติ และบันทึกข้อมูลการได้รับยาเกี่ยวกับโรคประจำตัวของผู้ป่วย และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
  4. ผู้ป่วยเด็ก 3-15 ปี ต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง(ไม่รับผู้ป่วยเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 3 ปี )

10. Time line การปฏิบัติงานในหอผู้ป่วย ต่อวัน

11. แนวทางปฏิบัติงานของหน่วยลำเลียงผู้ป่วย

การเตรียมความพร้อมก่อนปฏิบัติงาน

  • เตรียมความพร้อมของรถ อุปกรณ์ต่างๆ ความปลอดภัยในการแพร่เชื้อในรถ
  • เตรียมความพร้อมของ พนักงานขับรถ และ เจ้าหน้าที่เวชกิจ (ตารางเวร การซักซ้อมใส่/ถอดชุด อุปกรณ์ PPE อุปกรณ์ทำความสะอาดรถ)

ขณะปฏิบัติงาน

  • รับผู้ป่วยเข้ารพ.สนาม
  1. รับผู้ป่วยระบบ Hospital unit
  2. รพ. ต้นทางติดต่อ พยาบาล.รพ.สนาม โทร 053-010561-2 และระบบ ไลน์Step up
  3. นำส่งโดยรถ refer รพ ต้นทาง จนท.สวมPPEตามมาตรฐาน
  4. รถ refer ติดต่อ รพ สนาม เมื่อออกจากต้นทาง และ30นาทีก่อนถึง รพ.สนาม (ทิศใต้-อำเภอหางดง ทิศเหนือ อำเภอแม่ริม)
  5. รถ refer เข้าประตู9 จอดด้านหลัง Hall 1
  6. เปิดประตูทางเข้านามเรียกขานเสือดำ เอาแผงกั้นออกโดยอส.
  7. ผู้ป่วยเดินเข้า
  8. ปิดประตูทางเข้า/ออกแผงกั้น โดย อส.นามเรียกขาน เสือดำ
  9. รถ พยาบาล เดินทางกลับ รพ ต้นทาง
    • ส่งผู้ป่วยกลับบ้าน
  • ตามแนวทางการจำหน่ายผู้ป่วยกลับบ้าน

1.3 Refer Step up (อาการเปลี่ยนแปลง)

แนวทางในการ refer case ออกจากโรงพยาบาลสนาม (ส่งต่อ รพ. สันทราย ประสาท นครพิงค์ มหาราชฯ)

  1. พยาบาล/แพทย์ รพ.สนาม ปรึกษา Hospital Unit ทาง ไลน์ step up เพื่อเลือก รพ. ปลายทาง
  2. พยาบาล รพ.สนาม ประสาน call center รพ. นครพิงค์ Tel : 053-999-200 ต่อ 1176 และไลน์ step up
  3. Call center ประสาน รพ.ปลายทาง และศูนย์เวียงพิงค์ เตรียมรับ case refer
  4. เมื่อ รพ. ปลายทางพร้อมรับผู้ป่วย Call center ประสาน ศูนย์เวียงพิงค์ เพื่อจัดทีม refer COVID-19 ไปรับผู้ป่วยพยาบาล
  5. รพ.สนาม ส่งข้อมูลผู้ป่วยทางไลน์step up
  6. พยาบาล รพ.สนาม เตรียมผู้ป่วย รอที่จุดนัดพบ ทีม refer
  7. ทีม refer นำส่งผู้ป่วย รพ.ปลายทาง ในจุดที่ รพ.ปลายทางกำหนด พร้อมกรอกข้อมูลลงแบบบันทึกปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน และกลับมาถอดชุด ล้างรถที่ รพ.สนาม

 

หลังการปฏิบัติงาน

  1. ล้างรถโดยน้ำยาตามมาตรฐาน ณ รพ.ต้นทาง
  2. จนท.อาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย
  3. ทำงานตามปกติ
  4. Self-monitor + record 14 วัน

12. แนวทางปฏิบัติงานของทีมดูแลรักษา

การเตรียมความพร้อมก่อนปฏิบัติงาน

  1. จัดตารางเวร (ผอ.เชียงดาว / หัวหน้าชมรม พยาบาล.)
  2. ฝึกซ้อมการใส่/ถอดชุด PPE
  3. เตรียมชุดให้เพียงพอต่อการใช้งานอย่างน้อย 2 สัปดาห์
  4. จัดเตรียมสต๊อกยา
  5. ฝึกการใช้ระบบสื่อสาร
  6. ฝึกการใช้งานโปรแกรม CMC-19

ขณะปฏิบัติงาน

  1. ปฏิบัติงาน ที่ nurse station
  • ล้างมือ วัดอุณหภูมิ บันทึกการทำงาน
  • เปลี่ยนชุดปกติ เป็นชุดผ่าตัด1 ที่บริเวณโถง nurse station แขวนชุดในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
  • ทำงานตามปกติทั่วไป
  • บันทึกโปรแกรม CMC-19
  • ติดต่อผู้ป่วยผ่านโปรแกรม line , โทรศัพท์, hall speaker
  • บันทึก Vital sign ผู้ป่วย
  • Detect ภาวะทางจิตใจของผู้ป่วย (ติดต่อแพทย์ และหน่วยสุขภาพจิต)

3.Refer รับเข้า

  • รับติดต่อจาก Hospital Unit และ รพ.ต้นทาง
  • ผู้ป่วยมาถึง เข้าประตู 9 และด้านหลัง หวอดชาย/หญิง
  • เปิด/ปิดประตูแผงกั้นด้านนอก ทางเข้า/ออก
  • จุดลงทะเบียน และแจกถุงผู้ป่วย
  • แจ้ง ผู้ป่วยเตรียมตัว และแนวทางการดูแลใน รพ สนามโดยระบบ
  • รถกระจก หรือ โทรศัพท์ หรือ line
  1. Refer ส่งออก แนวทางในการ refer case ออกจากโรงพยาบาลสนาม (ส่งต่อ รพ. สันทราย ประสาท นครพิงค์ มหาราชฯ)
  • พยาบาล/แพทย์ รพ.สนาม ปรึกษาแพทย์ call center รพ. นครพิงค์ เพื่อเลือก รพ. ปลายทาง
  • พยาบาล รพ.สนาม ประสาน call center รพ. นครพิงค์ Tel : 053-999-200 ต่อ 1176
  • Call center ประสาน รพ.ปลายทาง และศูนย์เวียงพิงค์ เตรียมรับ case refer
  • เมื่อ รพ. ปลายทางพร้อมรับผู้ป่วย Call center ประสาน ศูนย์เวียงพิงค์ เพื่อจัดทีม refer COVID-19 ไปรับผู้ป่วย
  • พยาบาล รพ.สนาม ส่งข้อมูลผู้ป่วยทางไลน์step up
  • พยาบาล รพ.สนาม เตรียมผู้ป่วย รอที่จุดนัดพบ ทีม refer
  • ทีม refer นำส่งผู้ป่วย รพ.ปลายทาง ในจุดที่ รพ.ปลายทางกำหนด พร้อมกรอกข้อมูลลงแบบบันทึกปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน และกลับมาถอดชุด ล้างรถที่ รพ.สนาม

** แนวทางการ refer case สามารถปรับตามสถานการณ์จำนวนผู้ป่วยเป็นระยะ

  1. การสื่อสารกับผู้ป่วย

ใช้ระบบ line หรือ โทรศัพท์  หรือ hall speaker

  1. การเข้าดูแล หรือจ่ายยาในหอผู้ป่วย
  2. รวบรวมข้อมูลยาหรืออาการผู้ป่วยที่จะต้องดุแลจาก Incharge
  3. ติดต่อผู้ป่วยทุกคนที่มียามาที่จุดนัด (ด้านหน้า)หรือแจกยาตามเตียงจนจนเสร็จภารกิจ
    1. การเข้าหอผู้ป่วย
      1. ออกจาก Nurse station (ชุดผ่าตัด 1) แต่งตัวชุด PPE ใส่ PAPR  ที่เตรียมไว้     บริเวณโซน IC
      2. เข้าไปหอผู้ป่วย โซนด้านหน้า
    2. การออกจาก หอผู้ป่วย
      1. ผู้ช่วยเหลือคนไข้สวมชุดPPE ชุดB เพื่อเตรียมถอดชุดPAPRให้กับพยาบาล
      2. ถอดชุดที่ PPE เหลือตามแนวทางการถอดชุดอุปกรณ์ป้องกัน (มีคนสังเกต + กระจก) มี
      3. ไปห้องน้ำตามทางที่กำหนด + อาบน้ำ
      4. เปลี่ยนเป็นชุดผ่าตัด 2
      5. กลับเข้า nurse station

7.การแจกจ่ายยา

  • จ่ายยาครั้งแรกให้พอเพียง 1 สัปดาห์
  • กรณียาเพิ่ม พยาบาลติดต่อผู้ป่วยโดยระบบให้รอที่เตียง ขนส่งโดยรถด้านหลังHall หรือนำไปให้พร้อมอาหาร (เขียนชื่อติด)

8.การแจกจ่ายอาหาร

  • เจ้าหน้าที่ นำอาหารมาวางที่จุดที่เตรียมไว้
  • พยาบาลและจิตอาสานำอาหารจากจุดที่กำหนด ไปบางบนโต๊ะ ที่ด้านทางออกด้านหลัง (ใกล้โซนอาบน้ำ)
  • ผู้ป่วยเดินมาหยิบอาหารและน้ำดื่มเอง

9.การควบคุมการทำความสะอาดพื้นที่

  • กำกับ จิตอาสาทำความสะอาด วันละ 2ครั้ง เช้า เย็น
  • ห้องน้ำ / ห้องส้วม
  • ถังขยะจุดกินข้าว/หรือประตูหลัง ที่ให้ผู้ป่วยนำมาทิ้ง)
  1. การควบคุมการทำความสะอาดที่นอน
  • เมือผู้ป่วยรับเข้า แจกอุปกรณ์เครื่องนอน และรับคืนเมื่อผู้ป่วยกลับบ้าน

กำกับ จิตอาสาทำความสะอาดหลังจากผู้ป่วยกลับบ้าน

13. แนวทางปฏิบัติงานของทีมเภสัชกร

  1. เตรียม stock ยาให้เพียงพอ ตามรายการ และบรรจุในซองพร้อมใช้ สำหรับ 7 วัน
  2. จัดชุดยา symptomatic เป็นซองๆละ 7 วัน
  3. จ่ายยาผู้ป่วยแรกเข้าโดยพยาบาลให้เพียงพอต่อการใช้ 7 วันโดยให้ผู้ป่วยจัด/กินยาตามมื้อเอง
  4. กรณียาอื่นๆ ให้พยาบาลจัดและจ่ายไปพร้อมกับอาหารผู้ป่วย
  5. พยาบาลคีย์การใช้ยาในโปรแกรม CMC-19
  6. ให้คำปรึกษาผู้ป่วย
  7. ให้คำปรึกษาทีมผู้ดูแลรักษา

14. แนวทางปฏิบัติงานของทีมสุขภาพจิต

15. แนวทางปฏิบัติงานของพยาบาลควบคุมการติดเชื้อ

 ร่วมกับฝ่ายความปลอดภัย ให้ความคิดเห็นและดูแลความปลอดภัยของบุคลากร และป้องกันการติดเชื้อใน โรงพยาบาลสนาม

 

พยาบาล IC คนที่ 1  ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าที่หัวหน้าทีม (พิจารณาจากคุณวุฒิเป็นหลัก) ปฏิบัติหน้าที่

  1. ปฐมนิเทศพยาบาล ผู้ช่วยเหลือคนไข้   มอบหมายงาน   ประเมินและทนสอบความรู้
  2. ประสานงานสหวิชาชีพอื่น ในโรงพยาบาลสนามและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
  3. จัดเตรียมชุด PPE ให้เพียงพอและพร้อมใช้งาน
  4. เป็นที่ปรึกษาให้ความรู้และให้คำแนะนำด้านการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อบุคลากรที่มาปฏิบัติหน้าที่โรงพยาบาลสนาม
  5. ควบคุมกำกับติดการการปฏิบัติงานของบุคลากรด้านการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล ได้แก่   พยาบาล   ผู้ช่วยเหลือคนไข้   พนักงานขับรถ   เจ้าหน้าที่ back office
  6. เบิกพัสดุและวัสดุการแพทย์ เตรียม set ให้เพียงพอ    พร้อมใช้
  7. ช่วยบุคลากรในการสวมชุด PPE
  8. ตรวจสอบการทำงานของ PAPR
  9. ดูแลจัดการมูลฝอยติดเชื้อ การจัดการผ้าเปื้อน   และสิ่งแวดล้อม
  10. เฝ้าระวังการติดเชื้อของบุคลากรจากการปฏิบัติงาน ร่วมทีมสอบสวนโรค   ร่วมตัดสินใจในการงดการปฏิบัติงานหรือกักตัวของบุคลากรที่มีความเสี่ยง   ดูแลบุคลกรที่เจ็บป่วยจากการปฏิบัติงาน

 

พยาบาล IC คนที่ 2 ทำหน้าที่ร่วมทีม  ปฏิบัติหน้าที่

  1. จัดเตรียมชุด PPE ให้เพียงพอและพร้อมใช้งาน
  2. เป็นที่ปรึกษาให้ความรู้และให้คำแนะนำด้านการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อบุคลากรที่มาปฏิบัติหน้าที่โรงพยาบาลสนาม
  3. ควบคุมกำกับติดการการปฏิบัติงานของบุคลากรด้านการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล ได้แก่   พยาบาล   ผู้ช่วยเหลือคนไข้   พนักงานขับรถ   เจ้าหน้าที่ back office
  4. เบิกพัสดุและวัสดุการแพทย์ เตรียม set ให้เพียงพอ    พร้อมใช้
  5. ช่วยบุคลากรในการสวมชุด PPE
  6. ตรวจสอบการทำงานของ PAPR
  7. ดูแลจัดการมูลฝอยติดเชื้อ การจัดการผ้าเปื้อน   และสิ่งแวดล้อม
  8. เฝ้าระวังการติดเชื้อของบุคลากรจากการปฏิบัติงาน ร่วมทีมสอบสวนโรค   ร่วมตัดสินใจในการงดการปฏิบัติงานหรือกักตัวของบุคลากรที่มีความเสี่ยง   ดูแลบุคลกรที่เจ็บป่วยจากการปฏิบัติงาน

16. แนวทางปฏิบัติงานของทีมควบคุมโรค

 การเตรียมการก่อนปฏิบัติงาน

1.. วางระบบและแนวทางการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนในโรงพยาบาลสนามของ 4 กลุ่มโรคติดต่อที่พบบ่อยร่วมกับทีมรักษาต่อไปนี้

       - โรคติดต่อนำโดยแมลง คือ โรคไข้เลือดออก

       - โรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำ คือ โรคอาหารเป็นพิษ

       - โรคติดต่อระบบทางเดินหายใจคือ โรคไข้หวัดใหญ่

      -  โรคผิวหนังและโรคตาแดง คือ โรคหิด โรคหัด ผื่นจากแมลงก้นกระโดก โรคตาแดง

2.วางระบบการสอบสวนและควบคุมโรคติดต่อเฝ้าระวังทั้งใน 4 กลุ่มโรคและผู้ป่วย COVID-19 ที่เป็นผู้ป่วยรายใหม่รับโดยตรงที่โรงพยาบาลสนาม (ไม่ใช่ผู้ป่วยรับส่งต่อหรือรับมาดูแลต่อเนื่อง) โดยมีการจัดตารางเวรการสอบสวนโรคในโรงพยาบาลสนามประจำทุกวันจากเครือข่ายทั้งจังหวัดทั้งโรงพยาบาลและ รพ.สต. เพื่อประสานกับพื้นที่ในการสอบสวนและควบคุมโรค

3.ประสานฝ่ายอนามัยสิ่งแวดล้อมเพื่อเตรียมความพร้อมร่วมกันในการป้องกันโรคติดต่อใน 4 กลุ่มโรค

4.ประสานงานควบคุมโรคระดับจังหวัด และระดับอำเภอเพื่อขอสนับสนุนทีมควบคุมโรคและกรณีส่งผู้ป่วยกลับชุมชน

ขณะปฏิบัติงาน

  1. จัดให้มีผู้รับผิดชอบด้านการสอบสวนและควบคุมโรคทุกวัน เป็นเวร On Call ในเวรเช้าและเวรบ่าย
  2. มีเอกสาร/โปรแกรมเฝ้าระวังโรคในการรายงานขั้นต้นให้กับทีมรักษาเมื่อมีการตรวจพบโรคที่เฝ้าระวังทั้ง 4 กลุ่มโรคหรือผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัย COVID-19 แต่แรกที่โรงพยาบาลสนาม และแจ้งผู้ที่อยู่เวรรับผิดชอบการควบคุมโรคในโรงพยาบาลสนามภายในเวร 8 ชั่วโมง (ยกเว้นเวรดึกให้รายงานเป็นเวรเช้า)
  3. ผู้ที่อยู่เวรรับผิดชอบการควบคุมโรคในโรงพยาบาลสนามรับแจ้งแล้วประสานส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรคภายใน 24 ชั่วโมง
  4. ผู้ที่อยู่เวรรับผิดชอบการควบคุมโรคในโรงพยาบาลสนามรายงานให้ทางผู้รับผิดชอบงานควบคุมโรคในโรงพยาบาลสนาม (นางพิมพินันท์ คำมาวัน) เพื่อรายงานหัวหน้าส่วนปฏิบัติการ (OSC) และงานควบคุมโรคในระดับจังหวัดเพื่อพิจารณาสนับสนุนทีมสอบสวนและควบคุมโรคระดับจังหวัดต่อไป (สนับสนุนทีมสอบสวนและควบคุมโรคจากอำเภอแม่ริมและอำเภอเมือง)
  5. รวบรวมสรุปรายงานเสนอผู้บริหาร

17. แนวทางปฏิบัติงานของทีมทีมอนามัยสิ่งแวดล้อม

  1. ป้องกันโรคนำโดยแมลง สัตว์กัดแทะ
  2. ร่วมกับส่วนสนับสนุนหาทีมทำความสะอาดระหว่างเปิดปฏิบัติการ
  3. ระหว่างเปิดรพ.ให้ควบคุมสัตว์และแมลงเป็นระยะ
  4. ควบคุมการทำความสะอาดพื้นที่
  5. กำกับเจ้าหน้าพนักงาน outsource ที่เข้าทำงาน
  6. ดูแลความเรียบร้อยห้องน้ำ ห้องส้วม ถังขยะจุดกินข้าว/หรือประตูหลัง ที่ให้ผู้ป่วยนำมาทิ้ง

18. แนวทางปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่งานIT

19. แนวทางปฏิบัติงานของ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุน

20. หน้าที่ความรับผิดชอบ (Job Description) ของพยาบาลจำแนกตามเวรและจำนวนผู้ป่วย

-กรณีมีผู้ป่วย จำนวน 501 ราย -1000 ราย

-กรณีมีผู้ป่วย จำนวน 300 ราย -500 ราย

-กรณีมีผู้ป่วย จำนวน น้อยกว่า 300ราย

21. หน้าที่ความรับผิดชอบ (Job Description) ของผู้ช่วยเหลือคนไข้จำแนกตามเวรและจำนวนผู้ป่วย

-กรณีผู้ป่วย มากกว่า500 ราย

-กรณีผู้ป่วย น้อยกว่า500 ราย

22. ยาและเวชภัณฑ์ในโรงพยาบาลสนาม

23. รายการพัสดุ-ครุภัณฑ์ ในโรงพยาบาลสนาม

23.1 รายการวัสดุ-ครุภัณฑ์การแพทย์หลัก

รายการครุภัณฑ์การแพทย์    

  1. Mobile Pulse Oximeter          1   เครื่อง ต่อผู้ป่วย 10 คน
  2. เครื่องวัดความดันชนิดแขนสอดแบบอัตโนมัติ hall ละ 1 เครื่อง      
  3. Defibrillator                              1 เครื่อง
  4. Video Laryngoscope with Blade 1 เครื่อง
  5. รถเข็นอุปกรณ์ Emergency           hall ละ 1 เครื่อง
  6. ล้อเข็นนั่ง                              hall ละ 1 เครื่อง
  7. ล้อเข็นนอน                              hall ละ 1 เครื่อง
  8. เสาน้ำเกลือ                              hall ละ 1 เสา
  9. เครื่องชั่งน้ำหนัก                              1 ชุด
  10. AED                              1 เครื่อง
  11. NIBP with Wifi                              hall ละ 1 เครื่อง
  12. Mobile Suction 1 เครื่อง
  13. ถัง Oxygen size D พร้อม เกจน์           5  ชุด                               
  14. Capsule negative pressure สำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วย 1 ชุด  
  15. กระเป๋าพร้อมอุปกรณ์ EMS จำนวน 1 ชุด ( อยู่ที่ nurse station )
  16. oxygen cannular                    50 set
  17. oxygen mask with bag 20 set

 

23.2 รายการวัสดุ-ครุภัณฑ์การแพทย์เสริม

  1. เครื่องเจาะน้ำตาลปลายนิ้ว พร้อมเข็มเจาะ
  2. ชุดทำแผล
  3. ชุดให้สารน้ำทางหลอดเลือด

 

 

 

23.3 รายการวัสดุ-ครุภัณฑ์งานบ้าน-งานครัว และสำนักงานในโรงพยาบาลสนาม

24. การป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาลสนาม

-การช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่สวมชุดPPE กรณีเกิดภาวะฉุกเฉิน

24.1  การช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่สวมชุดPPE กรณีเกิดภาวะฉุกเฉิน

1.ทำการเคลื่อนย้าย เจ้าหน้าที่ ไปในพื้นที่โล่ง ปลอดภัยและใกล้ที่สุด เช่น .Nurse stationใน Hall หรือทางเดินหน้า Hall หรือประตูทางออกหลัง hall

  1. การส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ
  • ใช้ วิทยุสื่อสารที่พกติดตัว แจ้ง Nurse station เพื่อขอความช่วยเหลือ
  • หรือ ขอความช่วยเหลือจากผู้ป่วย ให้โทรศัพท์แจ้ง Nurse station
  • กดกริ่งสัญญาณฉุกเฉิน ***กรณีมีกริ่ง

3.ขั้นตอนการถอดชุด PPE

การช่วยถอด PPE ต้องมีผู้ช่วย อย่างน้อย 2 คน

2.1 กรณีผู้เป็นลมไม่รู้สึกตัว        

                    - จัดให้เจ้าหน้าที่ที่เป็นลมนอนท่าตะแคงซ้ายห้ามนอนหงาย รูป 1- 2

 

                    - ผู้ช่วย ทั้ง 2 คนลูบมือด้วย alcohol hand rub

                    - ผู้ช่วย คนที่ 1 อยู่ด้านหน้าผู้ที่เป็นลม ดึงเทปกาวที่ข้อมือออก ผู้ช่วย คนที่ 2 อยู่ด้านหลัง ช่วยดึงเทปกาวที่ปิด Isolation gown ด้านหลังออก และดึงเชือกผูกที่เอวด้านขวาให้หลุด   รูป 3

                    - ผู้ช่วย คนที่ 1 ถอด Isolation gown ของผู้ที่เป็นลมออก ผู้ช่วย คนที่ 2 ถอด Isolation gown และถุงมือชั้นนอก ของตนเองออก รูป 4

- ผู้ช่วย คนที่ 2 ปลดเข็มขัดเครื่อง PAPR บริเวณเอวด้านหน้าของผู้ที่เป็นลมออก รูป 5

- ผู้ช่วย คนที่ 2 นำเครื่อง PAPR ออกจากเอวผู้ที่เป็นลม มาวางไว้เหนือศีรษะ โดยที่ยังไม่ปิดเครื่อง รูป 6

- ผู้ช่วย ทั้งสองคนช่วยกันถอด Hood PAPR ออกจากศีรษะผู้ที่เป็นลม โดยสอดมือเข้าไปจับชาย Hood ด้านใน ระวังอย่าให้เกิดการปนเปื้อนบริเวณใบหน้าและศีรษะผู้ที่เป็นลม รูป 7

- พลิกตะแคงตัวผู้ที่เป็นลมนอนหงาย

- ผู้ช่วย คนที่ 2 ปิดเครื่อง PAPR พร้อมเก็บเครื่องแยกห่างจากบริเวณที่ช่วยเหลือ รูป 8

- ผู้ช่วย ทั้ง 2 คน ถอด Hood ของชุด Coverall พร้อมหมวกคลุมผม ออกแล้วช่วยถอดชุด รูป 9

- ผู้ช่วยคนที่ 2 ช่วยพยุงศีรษะของผู้ที่เป็นลม   ผู้ช่วย คนที่ 1 ช่วยถอด N95 รูป 10

- ผู้ช่วยทั้ง 2 ช่วยถอดชุด Coverall -พร้อมรองเท้าบู๊ท ->ถอด leg cover รูป 11

- ผู้ช่วยทั้ง 2 ช่วยกันเก็บ เครื่อง PAPR, ชุด PPE ใส่ถุงแดง เพื่อนำไปจัดการตามแนวทางที่กำหนด

หมายเหตุ : ตลอดการช่วยถอดชุดต้องประเมินอาการของผู้ที่เป็นลมร่วมด้วยเสมอ และลูบมือด้วย Alcohol hand rubs ระหว่างแต่ละขั้นตอนของการถอดชุด PPE

 

2.2 กรณีผู้เป็นลมรู้สึกตัวสามารถช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง

                    - จัดให้เจ้าหน้าที่ ที่เป็นลม นั่ง โดย ผู้ช่วยคนที่ 2 พยุงหลัง รูป 1

                    - ผู้ช่วย คนที่ 1 อยู่ด้านหน้าผู้ที่เป็นลม ช่วยดึงเทปกาวที่ข้อมือออก 

                    - ผู้ช่วย คนที่ 2 อยู่ด้านหลัง ช่วยดึงเทปกาวที่ปิด Isolation gown ด้านหลังออก และดึงเชือกผูกที่เอวด้านขวาให้หลุด

                    - ผู้ช่วย คนที่ 2 ถอดชุด Isolation gown และถุงมือชั้นนอก ของตนเองออก และ ผู้ช่วย คนที่ 1 ถอด Isolation gown ของผู้ที่เป็นลมออก

           

- ผู้ช่วย คนที่ 1 ปลดเข็มขัดเครื่อง PAPR บริเวณเอวด้านหน้าของผู้ที่เป็นลมออก และ ผู้ช่วย คนที่ 2 นำเครื่อง PAPR ออกจากเอวผู้ที่เป็นลม มาวางไว้ด้านข้าง โดยที่ยังไม่ปิดเครื่อง

- ผู้ช่วย ทั้งสองคนช่วยกันถอด Hood PAPR ออกจากศีรษะผู้ที่เป็นลม โดยสอดมือเข้าไปจับชาย Hood ด้านใน ระวังอย่าให้เกิดการปนเปื้อนบริเวณใบหน้าและศีรษะผู้ที่เป็นลม และ ผู้ช่วย คนที่ 2 ปิดเครื่อง PAPR

 

- ผู้ช่วย ทั้ง 2 คน ถอด Hood ของชุด Coverall พร้อมหมวกคลุมผม ออกแล้วช่วยถอดชุด พร้อมรองเท้าบู๊ท ->ถอด leg cover

- ผู้ช่วย คนที่ 2 ช่วยพยุงด้านหลัง ผู้ช่วย คนที่ 1 ช่วยถอด N95 พร้อมเก็บเครื่องแยกห่างจากบริเวณที่ช่วยเหลือ

- ผู้ช่วยทั้ง 2 ช่วยกันเก็บ เครื่อง PAPR, ชุด PPE ใส่ถุงแดง เพื่อนำไปจัดการตามแนวทางที่กำหนด

-การทำความสะอาดอุปกรณ์ พื้นผิว

การทำความสะอาดสิ่งแวดล้อม โรงพยาบาลสนาม จังหวัดเชียงใหม่

โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อ SARSCoV-2 (ไวรัสโควิด-19) ติดต่อกันผ่านทางการสัมผัสใกล้ชิดและทางการสัมผัสละอองฝอย (droplet) น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วยเป็นหลัก ส่วนการติดเชื้อผ่านทางการสัมผัสพื้นผิวหรือวัสดุที่ปนเปื้อนไวรัสเป็นไปได้น้อย อย่างไรก็ตาม การทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบนพื้นผิวสิ่งแวดล้อมก็ยังมีความจำเป็น เพื่อลดโอกาสในการแพร่เชื้อไวรัสผ่านการสัมผัสบนพื้นผิวต่างๆ

          ในการทำความสะอาดและการฆ่าเชื้อที่พื้นผิวต่างๆ นั้น แบ่งเป็น 2 ขั้นตอน คือ การทำความสะอาด (Cleaning) เป็นการขจัดฝุ่น เศษผง สารอินทรีย์ สิ่งสกปรก หรือเชื้อโรค ออกจากพื้นผิวต่างๆ แต่การทำความ สะอาดเพียงอย่างเดียวไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ เพียงแต่ช่วยลดปริมาณเชื้อโรคและลดความเสี่ยงในการ แพร่กระจายของเชื้อโรค ส่วนการฆ่าเชื้อ (Disinfection) โดยใช้สารเคมีนั้น จะเป็นการทำลายเชื้อโรคที่อยู่ บนพื้นผิวต่างๆ ให้ตายหรือลดปริมาณลงหรือทำให้เชื้อโรคหมดความสามารถในการแพร่เชื้อต่อไปได้ จึงมี แนวทาง ขั้นตอน และข้อควรระวัง ดังนี้

แนวทางการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวในสิ่งแวดล้อม

  1. ก่อนดำเนินการควรทราบว่า บริเวณใดบ้างที่จะทำความสะอาด บริเวณใดบ้างที่จะมีการทำความ สะอาดและมีการฆ่าเชื้อด้วย ควรปิดกั้นบริเวณพื้นที่หรือพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อก่อนดeเนินการทำความสะอาดและ ฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกัน ไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสมผัสกับเชื้อ
  2. วางแผนสำหรับการทำความสะอาดและการฆ่าเชื้อที่พื้นผิวในสิ่งแวดล้อม ว่าจะดำเนินการใน บริเวณใดบ้าง ให้ครอบคลุมบริเวณที่มีความเสี่ยง
  3. จัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องใช้ในการป้องกันตัวเองสำหรับผู้ทำความสะอาดตามความเหมาะสม เช่น หน้ากาก ถุงมือ รองเท้ายาง และอุปกรณ์เครื่องใช้ในการทำความสะอาด เช่น ผ้าเช็ดพื้น แปรง ขัด น้ำยาทำความสะอาด และสารฆ่าเชื้อ เป็นต้น สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ที่เหมาะสม ขณะทำความสะอาดพื้นที่หรือพื้นผิว ที่ปนเปื้อนเชื้อ ระหว่างทำความสะอาด หากถุงมือชํารุดเสียหายมีรอยรั่ว ให้ถอดถุงมือออกและสวมถุงมือคู่ใหม่ทันทีควรกําจัดและทิ้ง PPE แบบใช้แล้วทิ้งหลังจากทำความสะอาดเสร็จสิ้น ในกรณีที่ใช้แว่นตา Goggles ควรทำการฆ่าเชื้อหลังการใช้แต่ละครั้ง และควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำทันทีหลังจากถอด PPE และชำระล้างร่างกายหลังเสร็จสิ้นการทำความสะอาด
  4. เลือกใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดที่มีด้ามจับ เพื่อสัมผัสโดยตรงกับพื้นผิวให้น้อยที่สุด ทำความสะอาดให้ครอบคลุมพื้นที่ เมื่อแล้วเสร็จให้ล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ทุกชิ้น
  5. สำหรับพื้นที่ภายในอาคารก่อนดำเนินการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ ควรปิดเครื่องปรับอากาศ เปิดประตู หน้าต่าง เพื่อระบายอากาศก่อนแล้วดำเนินการตามขั้นตอน
  6. เลือกใช้สารฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อภายใน ระยะเวลาอันสั้น สารฆ่าเชื้อพื้นผิวที่องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าสามารถทำลายเชื้อไวรัสโคโรนาได้ภายใน เวลา 1 นาที ได้แก่ โซเดียมไฮโปคลอไรท์ 1% แอลกอฮอล์ความเข้มข้น 70% และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 0.5% เลือกใช้สารที่เหมาะสมกับพื้นผิวแต่ละประเภท เช่น ไฮโดรเจนไฮดรอกไซด์ไม่ควรใช้กับโลหะหรือ ผลิตภัณฑ์ที่มีการเคลือบสีเนื่องจากมีฤทธิ์กัดกร่อน เป็นต้น
  7. สำหรับพื้นที่ภายในอาคาร ไม่ใช้วิธีการสเปรย์ฉีดพ่นหรือ การรมควันเพื่อฆ่าเชื้อโควิด-19 (Fumigation หรือ Misting) เนื่องจากการฉีดพ่นสารเคมีไม่สามารถขจัด สารอินทรีย์ที่อยู่บนพื้นผิวซึ่งเป็นตัวขัดขวางการฆ่าเชื้อ หากพื้นผิวมีวัตถุหรือวัสดุคลุมอยู่ ซอกมุมต่างๆ รวมถึง บริเวณที่สเปรย์พ่นไม่ถึง ทำให้ไม่สามารถทำลายเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้การฉีดพ่นจะมี ความเสี่ยงและมีผลต่อสุขภาพของผู้ฉีดพ่นเองหรือผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้น เช่น ทำให้มีอาการระคายเคืองดวงตา และผิวหนัง รวมทั้งมีผลต่อระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะเมื่อใช้สารฆ่าเชื้อชนิดฟอร์มัลดีไฮด์ สารประกอบ คลอรีน หรือ Quaternary Ammonium Compounds จึงแนะนำให้ใช้ผ้าชุบน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดพื้นผิว จะมี ประสิทธิภาพมากกว่า
  8. ส่งผ้าซักทำความสะอาด
  9. เช็ดพื้นผิวทั้งหมดที่อาจปนเปื้อนด้วยน้ำยาฟอกขาว หรือ 70% แอลกอฮอล์ตามความเหมาะสมของวัสดุ
  10. ทำความสะอาดพื้นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือน้ำยาฟอกขาวที่เตรียมไว้
  11. การทำความสะอาดพื้นผิว ให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ ควรหลีกเลี่ยงการสร้างละอองในระหว่างการทำความสะอาด ควรใช้วิธีการเช็ดอย่างต่อเนื่อง
  12. ทำความสะอาดห้องน้ำ รวมถึงสุขภัณฑ์และพื้นผิวในห้องน้ำ โดยการราดน้ำยาฟอกขาวทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาทีแล้วล้างทำความสะอาดพื้นอีกครั้งด้วยผงซักฟอกหรือน้ำยาล้างห้องน้ำตามปกติ
  13. ทิ้งอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ทำจากผ้าและวัสดุดูดซับ เช่น ผ้าถูพื้น ผ้าเช็ด หลังจากทำความสะอาดและ ฆ่าเชื้อในแต่ละพื้นที่ โดยสวมถุงมือ และนําอุปกรณ์ทิ้งใส่ถุงขยะติดเชื้อ รัดปากถุงให้มิดชิด
  14. ทำการฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทำความสะอาดที่ต้องนํากลับมาใช้ใหม่ โดยการแช่ในน้ำยาฟอกขาว
  15. ทำความสะอาดถังถูพื้น โดยแช่ในน้ำยาฟอกขาวหรือล้างในน้ำร้อน
  16. เมื่อทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว หลีกเลี่ยงการใช้พื้นที่ในวันถัดไปเป็นเวลา 1 วัน
  17. ทำการกำจัดขยะติดเชื้ออย่างถูกต้องและเหมาะสม

ขั้นตอนการทำความสะอาดพื้นผิว

  1. การทำความสะอาดควรเริ่มจากจุดที่มีความสกปรกน้อย (จุดที่สะอาดที่สุด) ไปยังจุดที่สกปรกมากที่สุด และทำความสะอาดจากระดับบนมายังระดับชั้นล่าง เนื่องจากฝุ่นหรือสิ่งสกปรกจะตกลงบนพื้น และยัง ช่วยให้การทำความสะอาดเป็นระบบไม่หลงลืมจุดต่างๆ
  2. เก็บกวาดสิ่งสกปรกออกก่อน
  3. ทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่ใช้อยู่หรือใช้น้ำผสมสบู่หรือผงซักฟอกเช็ดถูพื้นผิว โดย ใช้ผ้าที่ซักสะอาดแล้วในการเริ่มทำความสะอาดทุกครั้ง
  4. เพื่อให้สารฆ่าเชื้อมีประสิทธิภาพสูงสุดควรเตรียมก่อนการใช้งานและใช้ภายใน 24 ชั่วโมง หากจะใช้โซเดียมไฮโปคลอไรท์เป็นสารฆ่าเชื้อ อาจใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานในบ้านที่มีส่วนประกอบของคลอรีน เช่น น้ำยาฟอกขาวเพื่อการฆ่าเชื้อได้

สารทำความสะอาดและน้ำยาฆ่าเชื้อ

เนื่องจากเชื้อไวรัสสามารถอยู่บนพื้นผิวของวัตถุต่าง ๆ เป็นเวลา 1 – 3 วัน พื้นผิวที่อาจสัมผัสปนเปื้อนเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงต้องได้รับการความสะอาดและฆ่าเชื้อ โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่หาได้ง่ายตามท้องตลาด ดังนี้

  1. น้ำยาฟอกขาวสามารถใช้สำหรับทำความสะอาดพื้นผิวได้ โดยผสมในอัตราส่วนดังนี้
    1. พื้นผิวทั่วไป ใช้น้ำยาฟอกขาวเจือจาง 1 ส่วนในน้ำ 99 ส่วน (ความเข้มข้น 05% หรือ
      เท่ากับ 500 ppm)
    2. พื้นผิวที่มีน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ สารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น ห้องสุขา โถส้วม ใช้น้ำยาฟอกขาวเจือจาง 1 ส่วนในน้ำ 9 ส่วน (ความเข้มข้น 5%) ราดทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที
  2. สำหรับพื้นผิวที่เป็นโลหะ สามารถใช้ 70% แอลกอฮอล์ทำความสะอาดได้

ข้อควรระวัง

  1. ควรระวังไม่ให้สารเคมีเข้าตาหรือสัมผัสโดยตรง
  2. หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสบริเวณใบหน้า ตา จมูก และปาก ขณะสวมถุงมือและระหว่างการทำ ความสะอาดและฆ่าเชื้อ
  3. ไม่ผสมน้ำยาฟอกขาวกับสารทำความสะอาดอื่นๆ ที่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย
  4. ไม่นำถุงมือไปใช้ในการทำกิจกรรมประเภทอื่นๆ นอกจากการทำความสะอาดเท่านั้น เพื่อป้องกัน การแพร่กระจายของเชื้อโรค

แนวทางการจัดการมูลฝอยติดเชื้อทั่วไป


 

-การล้างมือ

แนวทางการทำความสะอาดมือ ของเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสนาม

สำหรับเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลสนาม การล้างมือเป็นมาตรการสำคัญในการควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ

วัตถุประสงค์

1.เพื่อให้เจ้าหน้าที่ ทุกระดับที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสนาม ทำความสะอาดมือได้ถูกต้อง

2.เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อโรคโดยการสัมผัสด้วยมือ

การทำความสะอาดมือ มี 2 วิธี

1.การทำความสะอาดมือด้วยน้ำและสบู่ (hand washing)  เมื่อมือเปื้อนสิ่งสกปรกอย่างเห็นได้ชัดเจน

2.การทำความสะอาดมือด้วยน้ำยาทำความสะอาดมือที่มี ส่วนผสมของแอลกอฮอล์ (Alcohol-based hand rub) ใช้ ทำความสะอาดมือในกรณี ที่มือไม่ได้ เปื้อนสิ่งสกปรก เลือดหรือสารคัดหลั่งอย่างเห็นได้ ชัด ทำโดยใช้แอลกอฮอล์ประมาณ 3 – 5 มล. ถู ให้ ทั่วบริเวณมือโดยใช้ เวลาประมาณ 20 – 30 วินาที.ตาม 6 ขั้นตอน และ หลัก 5 moment

 

การทำความสะอาดมืออย่างมีประสิทธิภาพ จะลดและทำลายเชื้อบนมือได้อย่างทั่วถึง โดยมีขั้นตอน ดังนี้

 

แนวทางการเก็บขยะ  COVID ในโรงพยาบาลสนาม

การแต่งกายของผู้จัดเก็บขยะในหอผู้ป่วย/โซน ANTI ROOM

การแต่งกายของผู้จัดเก็บขยะในหอผู้ป่วย

  1. MASK N 95
  2. หมวกคลุมผม
  3. COVER ALL
  4. ถุงมือ
  5. PAPR
  6. รองเท้าบู๊ท/Leg Cover

 

 

การแต่งกายของผู้จัดเก็บขยะโซน ANTI ROOM

  1. หมวกคลุมผม
  2. แว่นป้องกันตา / face shield
  3. Surgical Mask
  4. ถุงมือ
  5. กาว์นกันน้ำ/เสื้อกันฝน
  6. รองเท้าบู๊ท/Leg Cover

 

 

                  

วิธีปฏิบัติ

  1. ซ้อนถุงขยะสีแดง 2 ชั้นในกล่องกระดาษ (ขนาดของกล่องตามปริมาณกิจกรรม)
  2. ทิ้ง Shield. ถุงมือ ถุงหุ้มขา   เสื้อกาว์น   เสื้อกันฝน   Mask.  N. 95 ในถุงขยะ มัดปากถุงขยะใบแรกให้แน่น ด้วยเชือกฟาง และ   ฉีดพ่นด้วย 70 % Alcohol
  3. มัดปากถุง ชั้นที่ 2 ให้แน่น ด้วยเชือกฟาง และ ฉีดพ่นด้วย 70 % Alcohol
  4. ปิดฝากล่องชั้นนอกให้มิดชิด และ ฉีดพ่นด้วย 70 % alcohol ซ้ำ
  5. เขียนป้ายติดว่า , สถานที่, เวลาที่หน้ากล่อง เพื่อเป็นการสื่อสารให้พนักงานเก็บขยะของบริษัทเข้าใจ (พนักงานทำความสะอาดเค้าจะคุ้นกับคำว่า COVID. เป็นภาษาอังกฤษ) ตามรูป
  6. นำขยะไปพัก ณ.บริเวณที่จัดเตรียมพักขยะติดเชื้อ รอ บริษัทมารับเพื่อนำไปกำจัด
  7. ผู้ช่วยเหลือคนไข้ที่ได้รับมอบหมายให้จัดเก็บขยะ ต้องอาบน้ำหลังเสร็จภารกิจทุกครั้ง
  8. รองเท้าบู๊ท ให้แยก

 

                               

25. ภาคผนวก

-เอกสารอ้างอิง

-รายชื่อคณะทำงานคู่มือปฏิบัติงานโรงพยาบาลสนามฉบับปรับปรุงพย.64

Impressum

Tag der Veröffentlichung: 04.11.2021

Alle Rechte vorbehalten

Nächste Seite
Seite 1 /